ปีศาจหมาดำ!

"คนเก่า" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางบอน

ถ้าจะพูดถึงเรื่องโดนผีหลอก ผมเป็นคนหนึ่งละครับที่ไม่ได้น้อย หน้าใคร เพราะโดนผีหลอกมาสาหัส ไม่ว่าในกรุงเทพฯ ธนบุรี ไปยันต่างจังหวัดอย่างราชบุรีหรือปราจีนบุรี...กินแดนไปถึงภาคอีสานคือจังหวัดกาฬสินธุ์โน่นแน่ะคุณ



เดี๋ยวจะว่าเพ้อเจ้อยืดยาวไม่เข้าเรื่อง ผมขอเล่าเรื่องผีที่เคยเจอะเจอมาตอนสมัยหนุ่มๆ ก่อนละกัน!

ตอนนั้นผมอยู่แถวบางบอน นับเวลาก็ 20 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นถนนหนทางยังไม่ตัดปรูดปราดให้รถราแล่นปรื๋อเหมือนอย่างตอนนี้หรอก ลึกเข้าไปมีแต่เรือกสวนไร่นา บ้านช่องก็ยังอยู่ห่างๆ กัน จะชวนเพื่อนฝูงไปเที่ยวก็ต้องนัดแนะ ร้องเน้อ...ให้มาเจอะเจอกัน เรียกว่ายังเปล่าเปลี่ยวน่าวังเวงใจเอาการ

ผู้คนยังน้อย ภูตผีก็ยังเยอะแยะเป็นธรรมดา


พวกเราจะไปไหนมาไหนต้องอาศัยเรือเป็นหลักใหญ่ จะหาปลาหรือเก็บผักไปขายที่บางแคก็ต้องพายเรือกันไป...ผมโดนผีหลอกจังๆ ทั้งทางบกทางน้ำ บอกไม่เชื่อ! ไม่ขาดใจตายไปซะตั้งแต่นั้นก็ถือว่าเป็นบุญกุศลเต็มที

สาเหตุที่โดนผีหลอกบนบกก็ตอนที่ผมริอ่านออกไปเที่ยวตอนกลางคืนน่ะซีครับ!

ทางการเพิ่งจะเริ่มต้นตัดถนน พวกเราเคยไปรับจ้างเขาเหมือนกัน...ช่วยกันขุดดินขึ้นมาถมตามคำสั่งหัวหน้า เรียกกันว่า "แทงดิน" เฮๆ จนได้บ่อใหญ่ๆ ข้างทางหลายบ่อ เราเรียกกันว่า "บ่อหลา" กลางวันก็เห็นดอกรักสวยๆ น่าเก็บไปฝากสาว แต่กลางคืนมันตะคุ่มๆ ดูเร้นลับยังไงชอบกล

มีเนินดินค่อนข้างสูงอยู่ใกล้ๆ ดงรักก็ขึ้นสะพรั่งอยู่เต็มเนินเช่นกัน

อ้อ! ตอนไปเที่ยวน่ะไปด้วยกันนะครับ มีทั้งหนังและลิเก ไหนจะการพนันขันต่อสารพัดอย่าง แต่พวกผมยังวัยรุ่นเลยชอบดูหนังกับเกี้ยวสาวมากกว่าจะสนใจไฮโลหรือน้ำเต้าปูปลาเหมือนอย่างพวกรุ่นใหญ่เขา

ขากลับน่ะต่างคนต่างกลับ ระยะทางเกือบสองกิโลเมตรเห็นจะได้ ย่ำต๊อกตอนดึกดื่น มีดาบขัดหลังเล่มเดียวก็ถมเถไป วัยคะนองทำให้ฮึกเหิมน่าดู

คืนหนึ่งผมก็โดนผีหลอกเข้าเต็มเปา!

คืนนั้นเดินกลับบ้านราวสองยามเห็นจะได้ ช่วงที่ออกจากหลังตลาดยังมีผู้คนให้เห็นพอสมควร แต่เดินๆ ไปก็หายไปทีละคนสองคน ความที่เคยชินก็ไม่คิดอะไรมาก เดินดุ่มๆ กลับบ้านตามทางเปลี่ยว อาศัยแสงดาวสะพรั่งฟ้าก็เหลือแหล่แล้วครับ

ไม่ช้าก็ถึงบ่อหลาที่เราแทงดินขึ้นมาหลายวัน สายลมพัดโชยมาจากทุ่งกว้างไม่ขาดสาย เสียงแมลงกลางคืนพร่ำเพรียกอยู่ตามกอหญ้า พอเราเดินใกล้เข้าไปมันก็เงียบเสียง ก่อนจะกรีดปีกขึ้นใหม่เมื่อเดินคล้อยหลัง

มีอะไรบางอย่างแตกต่างกว่าคืนก่อนๆ ตรงที่รู้สึกเหมือนมีใครเดินตามมาข้างหลังแต่เมื่อหันขวับไปมองก็ไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว!

ตอนนั้นบอกตัวเองว่า ช่างมัน! ถ้าเป็นผีก็อยากรู้ว่ามันจะหลอกยังไง?

ทันใดนั้นเอง ภาพๆ หนึ่งก็ปรากฏอยู่ข้างหน้า มองเห็นเข้าก็ต้องชะงักกึก หน้าตาชาวูบวาบทันที เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว แต่ปากคอแห้งผากเหมือนจะกลายเป็นผุยผง...ตวัดมือไปแตะด้ามดาบไม่รู้ตัว

หมาดำตัวมหึมา ใหญ่โตเกือบเท่าลูกม้าเห็นจะได้ มันยืนจังก้าอยู่บนโลก...หรือเนินดินสูงๆ ข้างทางนั่น...ตัวมันใหญ่โตจนเล่นเอาตะลึงไป แถมจ้องมองด้วยนัยน์ตาแดงจ้าราวกับแสงไฟ คล้ายจะมีเสียงคำรามขู่ขวัญดังฮื่อๆ มาด้วย

"ผีหลอกแน่แล้ว!" ผมบอกตัวเองอย่างแน่ใจ "หมาบ้าบอที่ไหนจะตัวใหญ่ขนาดนี้ล่ะ นอกจากหมาผี"

ไม่รู้ว่ากลัวจนกลายเป็นความบ้าบิ่นหรือเปล่า? ผมยืนจ้องมองมันแทบไม่กะพริบตา...หมาจากนรกตัวนั้นแสยะปากเห็นเขี้ยวขาววับ ยาวโง้งน่าเสียวไส้ ผมก้มลงคว้าดินแข็งโป๊กก้อนใหญ่ติดมือขึ้นมา ขว้างโครมเข้าใส่ทันที

แม่นเหมือนผีจับยัด!!

โครมเดียวเข้ากลางหลังมันพอดี แต่ไม่ยักมีเสียงร้องอะไรเลย นอกจากจะเผ่นพรวดไปที่ดงรักข้างหน้าผม...หายวับเข้าไปเงียบกริบ ท่ามกลางสายลมที่พัดโชยวู่หวิว เยือกเย็นจับใจขึ้นทุกที

ดงรักเจ้ากรรมที่มันเผ่นวูบเข้าไปก็อยู่ข้างหน้าผมพอดิบพอดี!

คงจะเป็นความบ้าบิ่นนั่นเอง ทำให้ผมกระชากดาบออกมากำแน่น ก้าวช้าๆ ไปที่ดงรักนั้น แหวกหาหมาตัวบะเร่อปานหมายักษ์มาร...ยังไงๆ ก็ดีกว่าออกวิ่งไปเจอมันสวนเข้าใส่ละครับ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ...ไม่มีวี่แววของหมาผีนรกตัวนั้นแม้แต่น้อยนิด
คราวนี้เริ่มจะได้สติ ผมออกเดินขาสั่นนิดๆ ไม่รอช้า...เดี๋ยวๆ ก็หันไปมองข้างหลังด้วยความหวาดระแวงเสียที แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรติดตามมา

รุ่งขึ้น ผมไปเลียบเคียงถามยายจ่าง-คนเก่าแก่ย่านนั้นว่ามีหมาดำตัวใหญ่เกือบเท่าวัวเท่าควายอยู่แถวนี้มั่งไหม? แทนที่จะตอบ ยายจ่างกลับทำตาโต ย้อนถามว่า...เอ็งเจอมันเข้าแล้วหรือวะ? โอ๊ย! แถวนี้เขาเคยเจอะมันมาทั้งนั้นแหละ!

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าผมเจอหมาปีศาจหลอกหลอนเอาเต็มเปา! บรื๋อออ...

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด

Comments

Popular posts from this blog

10 ตำนานปีศาจและสิ่งมีชีวิตลี้ลับจากทั่วโลก

ผีเด็กสาวที่จอดรถ

เสียงลึกลับ (Unexplained Sound, Taos Hum)