Posts

Showing posts from August, 2017

เรื่องผี - คืนหลอนก่อนสอบ

Image
คืนหลอนก่อนสอบ เรื่องผี - คืนหลอนก่อนสอบ ยามบ่ายที่แสนสดใส พลอยหญิงสาวที่มีน่าตาดีอยู่ในระดับหนึ่ง เธอเป็นนิสิตแพทย์ปีสองจัดว่าเป็นหัว กะทิต้นๆของระดับชั้น เธอเดินมากับพิม เพื่อนสนิทของเธอ พิมเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พวกเธอทั้งสองเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนที่ประจำข้างๆตึกเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ “ตายแล้ว!!! นี้มันครั้งที่ 3 แล้วนะ”  เสียงอุทานจากโต๊ะข้างๆดังขึ้นมา เธอรู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่พ้นเรื่องสุดสยองนั้นแน่นอน เรื่องที่ว่า…ศพที่ถูกแช่ในห้องเก็บศพของทางคณะถูกควักอวัยวะภายในหายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอเองก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากนัก เพราะว่าอีกสองวันก็จะสอบเก็บคะแนน เธอจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากนัก “เฮ้อ..วันมะรืนก็ผ่ากรอสเก็บคะแนนอีก(ผ่ากรอสหรือผ่าอาจาร์ยใหญ่)ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่ามั้ยพิม” “อืม..คงต้องอ่านหนังสือหนักหน่อย”  พลอยพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วยกับสิ่งที่พิมพูดไป พอตกเย็นหลังจากที่พลอยกับพิมกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว พวกเธอก็รีบไปอ่านหนังสือที่หอพัก หอที่เธอพักเป็นหอหญิงของมหาลัย ทั้งสองแข่งกันอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งเที่ยงคืนพลอยกับพิมรูสึกว่าเร

นศ.ผวาผีบ้านร้างตามจองเวร 5 ศพ

Image
วันที่ 30 ส.ค. 2560 หนุ่ม นศ. กฎหมายเล่าประสบการณ์ร้ายหลังไปดูบ้านร้างผีดุ ย่านถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก เพื่อนร่วมชะตากรรมรวม 7 คน ตายสยองไล่เลี่ย รวมกันแล้ว 5 ศพ ทุกครั้งมีพยานเห็นหญิงสาวผมยาวใส่ชุดขาวอยู่รวมในเหตุการณ์ทุกครั้ง เจ้าตัวและเพื่อนอีกคนที่ยังรอดชีวิตอยู่แบบหวาดผวา ไม่รู้วิญญาณร้ายจะมาเอาชีวิตเมื่อไร ต้องตระเวนทำบุญถวายสังฆทาน 9 วัด อุทิศส่วนกุศลผู้ล่วงลับ คนดูแลหมู่บ้านเผยไม่มีบ้านร้าง แต่มีคนถูกฆ่าโหดถูกเอามาทิ้ง เด็กจมน้ำตาย 5 คน เพราะความประมาท วัยโจ๋มาบุกดูผีมั่วสุมทุกคืน ต้องแจ้งตำรวจมาไล่ เหตุการณ์ร้ายที่เกิดกับกลุ่มวัยโจ๋หลังเข้าไปท้าทายบ้านร้าง เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 ส.ค. 2560 มีข่าวลือสะพัดหนาหูว่ามีกลุ่มวัยรุ่น 7 คน ที่เข้าไปท้าทายบ้านผีสิง ย่านถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก เขตทวีวัฒนา กทม. หลังจากกลับออกไปไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุถูกรถชนตายบ้าง ไฟไหม้บ้านตายบ้าง รวม 5 ศพแล้ว เหลืออีก 2 คน แต่หมอดูทักว่าจะถูกตามมาเอาชีวิตไปให้ครบทุกคนที่เข้าไปลบหลู่บ้านร้าง ทำให้ผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่แบบหวาดผวา ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงพบนายนนทวัฒน์ หรือน

เรื่องผี - เวรกรรมทำร้ายหมา

Image
เวรกรรมทำร้ายหมา เวรกรรมทำร้ายหมา เมื่อตอนเราอายุ 13 แม่เราไปเก็บหมาวัดตัวนึงมาให้เราเลี้ยง สาเหตุเพราะข้างบ้านเราเลี้ยงหมาฝรั่ง แล้วเราก็ชอบไปเกาะรั้วยืนเล่นกับหมาเค้า "ไอ้ดำ" หมาวัดธรรมดา แม่บอกว่าไปซื้อกับข้าวที่ตลาดซึ่งอยู่ติดกับวัด แล้วมันมาเดินตาม ถามหาว่าหมาใครก็ไม่พบเจ้าของ เลยอุ้มใส่รถมา ที่บ้านเรามีสมาชิก 3 คน คือ แม่ เรา และน้าเล็ก น้าเล็กเป็นคนไม่ชอบสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ไม่รู้เพราะอะไร รวมทั้งไอ้ดำ น้าแกก็ไม่ชอบ แกจะคอยตีคอยเตะ มีอยู่ครั้งนึงแกนั่งถางหญ้าที่สนาม เจ้าดำก็เดินกระดิกหางเข้าไปหา ตามประสาหมาทั่วไป ยังไม่ทันถึงตัวแก น้าเล็กใช้สันมีดฟาดลงมาที่กลางหัวไอ้ดำ อย่างจัง เราเห็นพอดี จึงมีปากเสียงกัน รุนแรง คือ บ้านที่อยู่เป็นของแม่เรา น้าเป็นคนอาศัย ไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้ และมันบาป อยู่กันมาได้หลายปี ที่บ้านเกิดน้ำท่วม พื้นที่สนามไปจนถึงใต้ถุนน้ำท่วมหมด ไอ้ดำเลยได้ขึ้นมาอยู่บนบ้าน หน้าบ้านมีนอกชาน ก็ยกให้มันไป น้ำท่วมอยู่หลายเดือน จนแห้งไป จากการที่ไอ้ดำได้ขึ้นมาอยู่บนบ้าน มันก็เลยชิน ก็จะชอบวิ่งขึ้นมาอยู่เป็นประจำ ซึ่งถ้าแม่เราอยู่หรือเราอยู่ ก็ไม่มีใครว่าอะไรมัน

เรื่องผี - ห้องนอนมรณะ

Image
ห้องนอนมรณะ เรื่องผี - ห้องนอนมรณะ ประสบการณ์ขนหัวลุกจาก ห้องนอนผีแขวนคอ เหตุการณ์นี้มาผ่านกว่า 3 ปี แต่รับรองชาตินี้ทั้งชาติดิฉันไม่มีวันลืมแน่นอน เหตุการณ์นี้ผ่านมาสามปีกว่าแล้วล่ะค่ะ แต่รับรองว่าชาตินี้ทั้งชาติดิฉันไม่มีวันลืมแน่ มันเป็นเรื่องสยดสยองสุดๆ เลยเชียว ตอนนั้นฉันอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 และเป็นเด็กกิจกรรมด้วยก็เลยมีเพื่อนฝูงเยอะแยะ แต่เพื่อนที่สนิทกันจริงๆ มีแค่ไม่กี่คนเอง หนึ่งในนั้นคือ “ปิ่น” ซึ่งคนอื่นอาจมองว่าหล่อน ออกจะเพี้ยนๆ พิกล แต่สำหรับฉัน หล่อนเป็นเพื่อนที่ดีมาก มีน้ำใจและน่าสงสารด้วย เพราะปิ่นเพิ่งสูญเสียพี่สาวสุดที่รักไปได้ไม่นาน ด้วยสาเหตุที่น่าสลดใจมากเชียว พี่ปูของปิ่นอายุเข้าเบญจเพสพอดีตอนที่เกิดเรื่องสยองขวัญ! ถ้าครอบครัวของปิ่นจะมีใครสักคนที่เพี้ยน ก็คงเป็นพี่ปูนี่แหละ ไม่ใช่ปิ่นหรอก , , , เพราะพี่ปูต้องไปหาหมอและต้องกินยาเป็นประจำ ห้ามหยุดเด็ดขาด ปิ่นว่าหมอบอกพี่ปูเป็นโรคซึมเศร้า และเมื่อฟังอาการแล้วฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นโรคไบโพลาร์นะ คืออารมณ์แปรปรวน เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาแบบสุดขั้ว คือเดี๋ยวก็เศร้า เครียด หดหู่ เดี๋ยวก็ร่าเริงสุดขีด นอกจากนั้นยังเป็นคนขี้ระแว

เพื่อนร่วมลิฟท์

Image
เบล ได้งานใหม่เป็นพนักงานฝ่ายการตลาด และอีเว้นท์ ของบริษัทแห่งหนึ่งในเมือง เป็นธุรกิจเล็กๆ ที่เปิดกิจการมาหลายสิบปีแล้ว ออฟฟิศของเบลอยู่ที่ชั้น 27 การจะขึ้นลงลิฟท์ของตึกนี้ จะต้องใช้บัตรพนักงานก่อนแล้วจึงกดชั้นเท่านั้น วันที่เกิดเรื่อง เป็นวันที่บริษัทต้องไปออกบูธขายของ เป็นเวลา 3 วัน เมื่อจบงานในแต่ละวัน ก็จะต้องมีการขนของกลับมาไว้ที่ออฟฟิศ หลังจบงานวันสุดท้ายของการออกบูธ เบลกับเพื่อนๆ แวะกินข้าวกันจนดึก และทั้งหมด ก็ได้กลับมาเก็บของจากการจัดงานที่ออฟฟิศเหมือนทุกวัน เมื่อเก็บของเรียบร้อย ประมาณเที่ยงคืน ทุกคนก็ลงลิฟท์กลับพร้อมกัน ระหว่างลิฟท์กำลังลงมาได้ไม่กี่ชั้น เบลนึกขึ้นได้ว่าวางกุญแจรถไว้บนโต๊ะ เบลจึงกดชั้น 18 เพื่อเปลี่ยนลิฟท์กลับไปเอากุญแจ และบอกเพื่อนว่าให้กลับกันก่อนเลย เมื่อได้กุญแจแล้ว เบลก็กดลิฟท์ลง เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ด้านในมีคนผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งลงมาด้วย เบลเข้ามากดชั้น 1 โดยที่ ปุ่มชั้น 18 ก็ติดอยู่เช่นกัน เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้น 18 ประตูเปิดออก เบลก็กดปุ่มเปิดค้างไว้เพื่อให้ชายคนนั้นออก แต่ชายคนนั้นก็ไม่เห็นเดินออกไป เบลจึงหันไป สิ่งที่เบลเห็นคือ.. ลิฟท์ว่างเปล่า เมื่

ร.ด. สยองขวัญ

Image
นัท และ วิน เรียนอยู่ชั้น ม.6 ทั้งคู่ลงเรียน รด. และวันมะรืนนี้ก็จะต้องไปเขาชนไก่เพื่อฝึกภาคสนามเป็นเวลา 5 วัน 5 คืน วินซึ่งติดธุระด่วนกับทางบ้าน จึงได้ทำเรื่องแจ้งขอไม่เดินทางไปพร้อมกับทุกคนในช่วงเช้า แต่จะเดินทางตามไปด้วยตนเองในช่วงเย็นแทน เมื่อถึงวันเดินทาง รถออกเดินทางจากกองพันทหารราบที่ 11 เวลา 8 โมงเช้า และไปถึงเขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี เวลาเที่ยงกว่าๆ ซึ่งนัทและเพื่อนๆ ร่วมชั้นทั้งหมดก็ต้องจัดข้าวของ และทำการฝึกในทันที ใครที่เคยมาฝึกจะรู้ดีว่าทั้งร้อน และทั้งฝุ่นเยอะมาก เมื่อการฝึกต่างๆ ผ่านไปจนถึงช่วงทานอาหารเย็น นัทซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่อยู่ก่อนหน้านี้ เริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นลม หน้าซีด เพื่อนที่เห็นเลยไปแจ้งครูฝึก ทำให้นัทต้องถูกแยกไปพักที่ห้องพยาบาลจนกว่าอาการจะดีขึ้น คืนนั้น.. ทุกคนกางเต๊นท์นอนในสนาม ส่วนนัทนอนที่ห้องพยาบาล โดยที่ข้างเตียงนัทคือเพื่อนจากอีกโรงเรียนหนึ่งที่ป่วยจากการฝึกเช่นกัน เวลาประมาณ 5 ทุ่ม นัทตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำข้างห้องพยาบาล ซึ่งห้องน้ำตรงนี้มีอยู่ห้องเดียว และมีคนกำลังเข้าอยู่ นัทรอสักพักประตูก็เปิดออก เป็นวินเดินออกมา นัททักทายวินที่เพิ่งเดินทางตามมาถึ

กว่าจะหาเจอ

Image
ชาย และ อิม เพิ่งคบกัน ทั้งคู่กำลังจะเข้าปี 1 ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรังสิต ชายตัดสินใจออกจากบ้านมาเช่าหอพักติดกับมหาวิทยาลัย ทั้งที่บ้านชายก็ไม่ได้อยู่ไกลมากนัก เพื่อจะได้อยู่กับอิมที่ย้ายมาจากเชียงใหม่ ชายเป็นคนที่หวงอิมมาก แต่อิมก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีเช่นกัน และถึงแม้จะเรียนคนละคณะกัน แต่ทุกวันหลังเลิกเรียน ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่หอพัก ทุกๆ คืนอิมจะบอกรักชาย และพูดกับชายเสมอว่า อยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวันนะ เช้าวันหนึ่งกลางเทอม 2 ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ ทำให้อิมไม่สบาย ชายออกไปซื้อยาให้อิมแต่ชายก็ไม่กลับมาอีกเลย เสียงโทรศัพท์อิมดังขึ้น เป็นเบอร์ชายโทรเข้า แต่เสียงนั้นกลับเป็นคนอื่น และบอกกับอิมว่า น้องผู้ชายคนนี้ถูกรถชนตายแล้ว.. ทุกอย่างกระทันหันมาก อิมได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนั้น อิมก็ได้ย้ายห้องไปอยู่ห้องอื่น 1 เดือนผ่านไป อิมเริ่มรู้สึกว่าทุกครั้งที่กลับมาอยู่คนเดียวในห้อง จะรู้สึกเหมือนมีคนเรียกชื่อ คล้ายหูแว่วตลอดเวลา จนคืนหนึ่ง อิมเปิดทีวี และเผลอหลับไป พอรู้สึกตัวกลางดึกเพราะทีวีซ่าเนื่องจากหมดผังรายการ อิมจึงลุกขึ้นมาหยิบรีโมทกดปิดทีวี จอทีว

พริตตี้เจอผี

Image
เรื่องนี้เป็นเรื่องจากคุณหมี่เกี๊ยว หมี่เกี๊ยวเคยรับงานพริตตี้ และต้องมีออกเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด เพื่อเป็นการประหยัดค่าโรงแรม ออแกไนเซอร์ส่วนมากจะใช้วิธีเดินทางหัวค่ำไปหลับในรถเอา ถึงเช้าอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวก็เริ่มงานได้เลย ขากลับก็เช่นเดียวกัน เข้าโรงแรมแพ็คของ ขึ้นมาหลับบนรถ ถึงกรุงเทพเช้าพอดี ครั้งที่เกิดเรื่อง ตอนนั้นเดินทางกลับจากภูเก็ตด้วยรถตู้ เรานั่งหลังคนขับและแง้มม่านไว้ เวลาประมาณตี 3 กว่า ทุกคนกำลังหลับสนิท จู่ๆ รถก็หยุดกระทันหัน ทุกคนตกใจตื่นกันหมด แต่คนขับรถออกรถอย่างเร็ว บางคนตะโกนถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แกไม่ยอมตอบ และเหยียบเร็วมาก ประมาณ 150 ได้ หลังจากนั้นทุกคนในรถก็กรี๊ดกันสนั่นแล้วชี้มาทางหน้าต่างข้างที่เราเปิดม่านทิ้งไว้ น้องพริตตี้บางคนกอดกันร้องไห้แบบเสียสติ เราก็หันไปมองนะ แต่ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ พี่คนขับรถขับมาจนเกือบสว่าง รีบเลี้ยวเข้าวัดเลย ทุกคนลงไปไหว้พระรดน้ำมนต์กันใหญ่ เราก็ตามลงไปแบบงงๆ ถามใครก็ไม่มีใครตอบ หลายเดือนต่อมาได้มีโอกาสวนมาทำงานกับน้องพริตตี้ 1 ในทริปภูเก็ตครั้งนั้น เลยถามว่าเห็นอะไรกัน น้องเล่าว่า หลังจากที่รถเบรคหัวทิ่มก็เลยสะดุ้งตื่น แต่พ

ผีมาเกิด

Image
เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้หญิงชื่อปลา ปลาแต่งงานมา 2 ปี และตั้งท้องได้ 5 เดือน ปลามีสามีเป็นนักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ปลากับสามีจึงไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ ปลาเริ่มรู้สึกว่าพักหลังมานี้ตนเองกลัวการนอนหลับ เพราะทุกครั้งที่นอนหลับจะรู้สึกเหมือนมีคนมาอยู่ในห้องด้วยเสมอ ปลาต้องแอบกินยานอนหลับเป็นประจำทุกครั้งที่เธอต้องนอนคนเดียว ปลาเล่าให้สามีฟัง สามีปลาได้แต่แนะนำให้ปลาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ศพไม่มีญาติ ซึ่งปลาก็ทำตาม และก็รู้สึกดีขึ้น วันหนึ่งปลาต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกับสามีของเธอเป็นเวลา 2 คืน และในงานเลี้ยงที่โรงแรมในคืนแรกนั้น ปลาขอตัวกลับขึ้นห้องมาก่อนเพราะรู้สึกปวดหัว ปลาล้มตัวนอนหลับไปบนเตียง สักพักใหญ่ปลาได้ยินเสียงคนพูดกระซิบเบาๆ ทั้งเสียงผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก เสียงนั้นก้องอยู่รอบตัว และปลาลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ปลาเห็นคือ เงาดำทะมึนคล้ายร่างคนนับ 10 ยืนล้อมเตียงเธออยู่.. ปลาตกใจมากจนสลบไป.. หลังจากนั้นปลาได้ไปหาหมอด้านไสยศาสตร์ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง หมอท่านนั้นหัวเราะเบาๆ และบอกกับปลาว่า.. “เพราะว่ากำลังท้องไง.. พวกผีไม่มีญาติเลยตามมา อยากจะมาเกิด..”

ผีเข้ากลางดึก

Image
ขวัญกับกลุ่มเพื่อนอีก 4 คน เดินทางมาต่างจังหวัดเพื่อทำงานของมหาวิทยาลัย เพื่อนขวัญทั้ง 4 คน เป็นแฟนกัน คือคู่นัท กับโจ้ และคู่เนย กับเอก ทั้ง 5 คนได้เดินทางมาพักยังโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งหมดแบ่งห้องกันทั้ง 3 ห้องโดยที่จะนอนเป็นคู่ ส่วนขวัญนอนคนเดียว แต่ขวัญเป็นคนที่ขี้กลัวมากจึงบอกเพื่อนว่า ไม่กล้านอนคนเดียว ขอไปนอนรวมด้วยแล้วกัน สุดท้ายก็ตกลงคืนห้องไป และย้ายไปนอนกับคู่นัท กับโจ้ โดยที่โจ้เสียสละนอนพื้น และให้ขวัญกับนัทนอนบนเตียง กลางดึกคืนนั้น ขวัญนอนไม่ค่อยหลับ เพราะเสียงแอร์ค่อนข้างดังเนื่องจากเป็นแอร์เก่าๆ สักพักขวัญได้ยินเสียงลูกปิดประตูหมุนช้าๆ และเปิดออก จากนั้นมีเสียงเหมือนเครื่องดนตรีไทยเล่นอยู่เบาๆ มาจากนอกห้อง และหายไป และค่อยๆ ดังขึ้นอีก ขวัญตัวแข็งไม่กล้าลืมตาหรือขยับตัวไปไหนเลย เมื่อเสียงเงียบลง ขวัญตัดสินใจพลิกตัวเพื่อหันไปเรียกนัทที่นอนข้างๆ แต่สิ่งที่ขวัญเห็นคือ นัท ที่หน้าซีด และไม่มีแววตา ยืนฟ้อนรำอยู่ที่ปลายเตียง...

สายตาคู่นั้น

Image
เจ้าของเรื่องนี้คือคุณกุ้ง กุ้งเป็นคนทำงานกลางคืน ต้องกลับห้องดึกๆ เป็นประจำ คืนหนึ่งกุ้งกลับมาที่ห้องตามปกติ ก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวอาบน้ำ นั่งล้างเครื่องสำอางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ สายตากุ้งเหลือบมองสะท้อนกระจกไปที่ช่องลมบนผนังด้านหลัง ก็เห็นมีสายตาคู่หนึ่ง กำลังแอบมองลอดมาจากห้องเช่าห้องข้างๆ เลยคิดในใจว่าเป็นพวกโรคจิตบ้ากามจะแอบดู แต่ก็ไม่อยากไปยุ่ง เลยทำเป็นไม่เห็น และระมัดระวังตัว ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ พอกุ้งอาบน้ำเสร็จ ออกมาเป่าผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง ก็ยังคงเห็นสายตานั้นแอบมองลอดมาอยู่ แต่ด้วยความเหนื่อยล้า กุ้งเลยปิดไฟเข้านอนตามปกติ จนเช้าวันรุ่งขึ้น... กุ้งตื่นมาเตรียมตัวออกไปข้างนอก แต่สายตานั้นก็ยังคงมองมาอยู่ ทำให้กุ้งรู้สึกหงุดหงิดใจมาก จนต้องออกไปเคาะประตูห้องข้างๆ แต่ก็เขาไม่ยอมเปิดประตู กุ้งจึงตัดสินใจไปเรียก รปภ. ของตึกมาจัดการ และใช้กุญแจสำรองเปิดห้องนั้นเข้าไป สิ่งที่พบคือ.. ชายวัยรุ่น ผูกคอตายใต้ช่องลม สภาพลิ้นจุกปาก ตัวซีดขาว และสายตาของเขานั้นอยู่ตรงกับช่องลมระหว่างห้องพอดี! สายตาที่มองกุ้งเมื่อคืน คือสายตาของคนตาย!!!

หญิงท้องแก่ที่บันได

Image
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณภีม สวัสดีค่ะเราชื่อภีม เป็นทอมนะคะ ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เรากับแฟนทำงานกันที่โรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็เลยตัดสินใจหาอพาร์ทเม้นท์อยู่ด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน ก็ไปเจอที่นึง ด้วยความที่ค่าห้องถูก และสะอาด ก็เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ พอเคลียร์ค่ามัดจำเสร็จสับ ก็ขนของเข้าอยู่เลย อพาร์ทเม้นท์ที่เราพักอยู่จะมีทั้งหมด 6 ชั้น เราได้ห้องอยู่ชั้น 5 ซึ่งเหลือว่างอยู่เพียงห้องเดียว เราเข้าอยู่ได้ 1 อาทิตย์ ก็ไม่มีอะไร พออาทิตย์ที่ 2 ก่อนจะออกไปทำงาน ช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น เรากับแฟนกำลังจะเดินลงบันได จู่ๆ ก็มีผู้หญิงท้องแก่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเเซงลงไป เราก็แปลกใจนิดหน่อยว่าผู้หญิงคนนั้นมาจากไหน? ถ้าอยู่ห้องติดบันได ทำไมไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตู แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินลงบันไดมาจนถึงชั้น 2 ก็เห็นผู้หญิงท้องแก่คนเดิมนั่งร้องไห้อยู่ที่บันได เราจะเข้าไปถามก็กลัวจะถูกหาว่ายุ่ง เลยเดินผ่านเขาไป พอผ่านไปอีกวันหนึ่ง ช่วงเวลาเดิมที่เรากับแฟนกำลังจะเดินลงบันไดเพื่อไปทำงาน เราก็เจอผู้หญิงท้องคนเดิมวิ่งแซงลงไป แล้วไปนั่งร้องไห้ที่บันไดชั้น 2 เหมือนเ

คนขวัญอ่อนห้ามคลิก รวม 7 เรื่องเล่าสุดสยองจากพันทิพ

Image
รวม 7 สุดยอด เรื่องเล่าสยองขวัญจากพันทิพ 01. กระทู้ผีฟีเวอร์...ลองมาฟังเรื่องลึกลับของผมบ้าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัวมาก คนที่เล่าให้ฟังคือแม่ของผมครับ ตอนนั้นแม่ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่น อายุราวๆ 15 – 16 (เป็นตัวเลขประมาณการณ์) แม่มีพี่ชาย 3 คน น้องสาว 2 คน น้องชาย 1 คน แม่และน้องสาวอีก 2 คนสนิทกันมากเพราะเกิดไล่เลี่ยกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน รวมถึงไปเรียนหนังสือก็ไปด้วยกัน สมมุติว่าน้องของแม่ คนแรกชื่อแย้ม (อินเทรนด์หน่อย) ลักษณะจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน เงียบๆ อีกคนชื่อเย็น จะเฮี้ยวๆ แก่น ร่าเริง อ่านกระทู้  กระทู้ผีฟีเวอร์...ลองมาฟังเรื่องลึกลับของผมบ้าง ของคุณ  Rhythm in the Air คลิก 02. บางสิ่ง...ที่สูญหาย เวลา...สิ่งนี้ทำให้อะไรหลายๆอย่าง หายไป หรือเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ไม่อาจเลี่ยงได้ ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือเวลา และเวลาไม่เคยย้อนกลับ บางอย่างสูญหายจนไร้ร่องรอย แต่ทว่า มีสิ่งที่น่าเสียดายยิ่งกว่า เมื่อบางสิ่ง ไม่เคยหายไปตามกาลเวลา แต่เพียงแค่ถูกลืมเลือนเท่านั้น...         บางสิ่งบางอย่างที่ถูกเขียน และบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลัง เพื่อืบทอด หรือบอกเล่าก็แล้วแต

ยายสีดา

Image
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณหาญ ใจสิงห์  คุณหาญเล่าว่า.. เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเมื่อปีที่แล้วนี่เอง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งผมไม่มีงานโอทีต้องไปทำ ผมเลยไปเยี่ยมเพื่อนสมัยเรียน ปวช. ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปถึงที่นั่น 8 โมงเช้า ก็นั่งคุยกับเพื่อนผม กับพ่อแม่ และญาติๆ ของมัน.. สักประมาณ 9 โมงเช้า ยายของเพื่อนผมก็ชวนไปวัดที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน ผมก็ไม่ติดอะไรอยู่แล้ว เลยตกลงไปกับครอบครัวของเพื่อนผม ไปถึงวัดก็เดินไปกราบไหว้พระในโบสถ์ เนื่องจากครอบครัวของเพื่อนผมรู้จักกับพระอาจารย์ เลยสนทนาธรรมกันนาน ผมจึงขอตัวลงมาเดินเล่นข้างล่างโบสถ์ แล้วผมก็มองไปเห็นคุณยายคนหนึ่ง ผมสีดอกเลาทั้งหัว อายุน่าจะเกิน 90 ปีแล้ว กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิน สายตาของคุณยายแกเหม่อมองไปที่ประตูทางเข้าวัด และไม่รู้ผมคิดยังไง ผมเดินตรงไปหาคุณยายพร้อมกับทักแกว่า ‘ยายครับ ผมนั่งคุยด้วยได้ไหมครับ?’ ยายแกก็ตอบมาว่า ‘ได้สิลูก ว่าแต่หนูเป็นใคร ทำไมยายไม่เคยเห็นเลยลูก?’ ผมตอบแกไปว่า ‘อ๋อ..ผมมาจากกรุงเทพฯ ครับยาย มาเยี่ยมเพื่อนที่นี่..’ ระหว่างที่คุณยายแกคุยกับผม สายตาของแกก็เอาแต่มองไปที่ประตูทางเข้าวัด ผมเลยถาม ‘ยายมองหาใครอยู่หรื

พยาบาลกับเด็ก

Image
เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณกุล คุณกุลเล่าว่า.. คืนวันที่เกิดเหตุเราอยู่ที่บ้านค่ะ เพราะมีกินเลี้ยงเล็กๆ กันระหว่างญาติพี่น้อง ขณะที่กำลังคุยไปกินไปนั้น พวกเด็กเล็กๆ ก็วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แตงกวา น้องผู้หญิงคนเล็กสุดก็ถือแก้วเดินไปเดินมา สักพักก็ไปหยิบเอาปากขวดที่แตกเป็นปากฉลามแหลมๆ ขึ้นมา แล้วถือเดินไปเดินมา พอแม่ของน้องแตงกวา (พี่สะใภ้เรา) เห็นก็กลัวอันตราย รีบวิ่งไปจะเอาเศษขวดออกจากมือลูก จังหวะเดียวกันกับน้องแตงกวาปล่อยมือจากเศษขวด ซึ่งมันกำลังจะหล่นจากมือพอดี แม่เลยเอามือไปรองรับ ก่อนที่มันจะตกลงทิ่มเท้าน้อง ปรากฏว่าขวดมันบาดมือแม่น้องแตงกวา เลือดออกเต็มมือ เป็นแผลยาวพอสมควร ไม่สามารถจะทำแผลกันเองได้ ก็เลยต้องไปโรงพยาบาลกันตอนกลางคืนนั้นเลย โดยเราก็ไปกับเค้าด้วย พอถึงโรงพยาบาลเข้าแผนกฉุกเฉิน ทำแผลเย็บหลายเข็มมาก หมอดูแล้วบอกให้นอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ กลัวว่าแผลจะอักเสบติดเชื้อ เพราะพี่สะใภ้มีไข้ขึ้น ..และเราเป็นผู้โชคดีที่ได้อยู่เฝ้าพี่สะใภ้ค่ะ! คืนแรกได้นอนห้องรวม เนื่องจากไม่มีห้องว่างเลย จนช่วงเย็นของอีกวัน เจ้าหน้าที่มาบอกว่าได้ห้องแล้ว ก็เลยได้ย้ายไปเข้าห้องเดี่ยว ลักษณะห้อง

เรื่องสยองที่ชั้น 9

Image
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณกุล คุณกุลเล่าว่า.. ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปี ก่อนเราจะมารับราชการ เราทำงานกับเอกชนมาก่อนค่ะ ทำที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ นี่ล่ะ ในตำแหน่งพนักงานบัญชี ซึ่งออฟฟิศของแผนกบัญชีจะอยู่ติดกับลานจอดรถชั้น 3 ของโรงแรม ส่วนลานจอดรถชั้น 2 จะเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ตัวโรงแรม เราทำงานที่นี่ไปตามปกติ  วันหนึ่ง เรา กับน้องในแผนกได้เดินลงมาชั้น 2 เพื่อจะไปทานข้าวที่แคนทีนของพนักงาน ระหว่างเดินอยู่ น้องก็บอก ‘พี่ๆ หนูว่าหนูได้กลิ่นเหม็นๆ อะไรก็ไม่รู้..’ ซึ่งเราก็ได้กลิ่นนะ แต่ก็บอกน้องไปว่า ‘สงสัยหนูตายมั้ง เดี๋ยวค่อยแจ้งแม่บ้านแล้วกัน’ แล้วก็ไปทานข้าวกันตามปกติ พอทานข้าวเสร็จเดินกลับมาทางเดิม ไปเจอพี่คนขับรถของเจ้านาย พี่คนขับรถก็บอกเหมือนกันว่า ‘เหม็นเน่ามากเลยตรงนี้ กลิ่นมาจากไหน?’ พี่เขาพยายามเดินตามหากลิ่นนั้น แต่ก็ไม่เจออะไร จนตอนเย็นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอวันรุ่งขึ้นมาทำงานตามปกติ โหยยย..กลิ่นแรงขึ้นเป็นเท่าตัว เหม็นมาก กลิ่นทะลุมาถึงชั้น 3 แผนกบัญชีเลยทีเดียว เจ้านายเองลงรถมาก็ได้กลิ่น คราวนี้ต้องเรียก รปภ. ของโรงแรมหลายคนมาช่วยกันหาเลย ผ่านไปสักพัก เริ่มรู้ว่ากลิ่นมั

คืนหลอนในหมู่บ้าน

Image
เรื่องนี้ส่งมาจากคุณตั๊ก คุณตั๊กเล่าว่า.. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว สมัยเรายังเรียนชั้นประถมค่ะ ถึงจะผ่านมานาน แต่ยังจำได้แม่น และฝังใจมาจนทุกวันนี้..  บ้านเราอยู่จังหวัดมุกดาหาร สมัยนั้นบ้านชาวอีสานส่วนมากจะเป็นบ้านแบบมีใต้ถุนโล่ง มีแคร่ไว้นั่งพักผ่อนพูดคุยกันตามประสาญาติพี่น้อง หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีประมาณ 50 หลังคาเรือน บ้านที่เป็นญาติกันก็จะสร้างติดกัน มีรั้วไม้ไผ่เป็นเส้นแบ่งอาณาเขตเท่านั้น ตกเย็นหลังทานข้าวกันเสร็จ ก็จะมารวมตัวกันที่บ้านญาติข้างๆ กัน เพื่อพูดคุยสนทนาเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวัน มีหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงไปจนถึงคนแก่ค่ะ ใครบ้านไกลก็ปั่นจักรยานมา มีฐานะหน่อยก็ขี่มอเตอร์ไซค์ มีวันหนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับหนึ่งในญาติผู้ใหญ่ของเรา ซึ่งอายุค่อนข้างมากแล้ว เราเรียกแกว่า พ่อใหญ่ ซึ่งทางภาคอีสานหมายถึงคุณตานั่นเอง แกประสบอุบัติเหตุขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปถูกรถยนต์ชน ทำให้แกเสียชีวิตคาที่ทันที  ญาติๆ ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะแกเป็นคนใจดี และชอบมานั่งพูดคุยกับพวกเราเป็นประจำ.. และเช่นเคยค่ะ วันนั้น พวกเราก็รว

เสน่ห์ยาแฝด

Image
เรื่องนี้เป็นเรื่องจากคุณหาญ ใจสิงห์ คุณหาญเล่าว่า.. เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผมที่ชื่อว่า เบียร์ ครับ ย้อนกลับไปเมื่อปี พศ.2541 ตอนเรียนอยู่ ปวช. ปี 2 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เวลาเลิกเรียน ก่อนกลับบ้านผมกับเพื่อนๆ ก็จะพากันไปนั่งกินข้าวที่ตลาดเป็นประจำ ในกลุ่มพวกผมจะมีแฟนของแต่ละคนมานั่งกินข้าวด้วย (แต่ผมไม่มีนะครับ) รวมทั้งแฟนของเบียร์ที่สวยมาก เป็นระดับดาวอาชีวะเลย แล้วในกลุ่มเพื่อนของแฟนเบียร์ จะมีน้องผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ผิวสองสี เรียนอาชีวะเหมือนกัน นั่งโต๊ะในสุดมองเบียร์ด้วยสายตาเสน่หามาก  ด้วยความที่เบียร์เป็นคนปากไว เจ้าชู้ เลยแซวไปเรื่อย รวมถึงน้องคนนี้ก็เช่นกัน พวกผมมองตามเห็นน้องคนนี้ยิ้มดูมีความสุขมากที่ถูกเบียร์แซว.. จนวันหนึ่ง แฟนเบียร์ไม่สบาย แต่พวกผมก็ไปกินข้าวร้านเดิม แน่นอนว่าน้องคนนั้นก็มารอเบียร์อยู่ น้องเดินตรงมานั่งตรงข้ามกับเบียร์ ซึ่งมีผม และไอ้พันนั่งอยู่ด้วย น้องพูดกับเบียร์ว่า ‘พี่คะ หนูชอบพี่มาก หนูรักพี่ พี่เลิกกับแฟนพี่แล้วมาอยู่กับหนูได้ไหม?’ เบียร์ตอบกลับไปว่า ‘พี่มีแฟนแล้วน้องก็รู้ สวยกว่าน้องอีก ไปหาคนอื่นเถอะนะ..’ น้องหน้าเ

คู่ผัวเมียตายโหง

Image
เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณชัย (นามสมมติ) ครับ คุณชัยเล่าว่า.. ผมเป็นคนลาวโดยกำเนิด บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย-ลาว ตรงอำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านผมเองครับ ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน บ้านผมเป็นหมู่บ้านชนบท ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางป่า ชาวบ้านเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ไถนา เก็บผัก ล่าสัตว์ เรียกว่าหาเช้ากินค่ำครับ..  ในหมู่บ้านมีผัวเมียคู่หนึ่ง ผัวชื่อ น้อย เมียชื่อ เพา มีลูกด้วยกัน 2 คน อยู่กินกันมาหลายปี ไม่เคยมีผิดใจจนต้องทะเลาะกันร้ายแรง จะมีก็เล็กๆ น้อยๆ ไม่เคยลงไม้ลงมือ แต่แล้ววันหนึ่ง มีหมอดูมาทักพี่น้อยว่าแกจะมีเคราะห์ในเร็ววันนี้ ร้ายแรงถึงชีวิต และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ คำพูดของหมอดูทำให้พี่น้อยคิดหนัก ถึงกับไม่เป็นอันทำอะไร ด้วยเพราะรักเมียมาก กลัวว่าถ้าตายไปแล้วเมียจะมีสามีใหม่ แล้ววันเกิดเหตุก็มาถึง วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว พี่เพาเกี่ยวข้าวอยู่กลางนา ส่วนพี่น้อยลับมีดพล้าอยู่เถียงนา ลับเสร็จแกก็ถือมีดไปหาเมีย เดินเข้าไปข้างหลัง แล้วฟันลงไปที่กลางหัว!! พี่เพาล้มลงทันที แกฟันซ้ำไปที่คออีกหนึ่งแผล คอแทบขาด เลือดไหลนองเต็มไปหมด จากน

ยายไอ้แผน

Image
เหตุการณ์เกิดที่นครสวรรค์ ตอนเด็กๆ ลภเป็นเพื่อนกับแผนกับโพธิ์ พ่อแม่ของแผนกับโพธิ์จะไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องไปเฝ้าไร่  วันหนึ่ง ทั้ง 3 คน ไปใส่เบ็ด แล้วแผนโดนหอยบาดลึกมาก จึงช่วยกันพยุงกันกลับบ้าน สักพักโพธิ์ก็ออกไปซื้อยา คุณยายของแผนเป็นคนแก่ๆ ที่เหมือนเป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ได้ ก็ลุกพรุบขึ้นมา แล้วถามว่า พวกเอ็งไปไหนกันมา ลภก็ตกใจแล้วบอกว่าแผนโดนหอยบาดเลือดไหลเต็มเลย พอพูดเท่านั้นยายของแผนก็ผลักลภเต็มแรง แล้วไล่ให้ลภไป ออกไป บอกว่าอยู่แล้วร้อน ลภก็งง แล้วบอกว่ารอให้โพธิ์กลับมาก่อนห้ามเลือดให้แผนก่อน ยายก็ไม่ยอมก็ไล่อยู่อยากนั้น สักพักโพธิ์กลับมา ยายก็รีบล้มตัวลงนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลภจึงบอกโพธิ์ว่ากลับก่อน ยายไล่ โพธิ์จึงบอกว่ายายลุกและพูดไม่ได้สองปีแล้ว ไม่เชื่อที่ลภพูด แต่ก็ยอมให้ลภกลับ สองวันต่อมา โพธิ์ไปตามลภไปนอนด้วยจะได้ช่วยดูแลแผน ลภก็บอกว่ากลัวยายด่า แต่โพธิ์ก็ยืนยันว่ายายพูดไม่ได้แล้ว ลภก็ยอมไป ลภโพธิ์แผนก็นอนมุ้งเดียวกัน ดึกๆลภนอนไม่หลับ ก็ได้ยินเสียงกุกๆกักๆ ที่มุ้งยาย เห็นยายคลานออกมามองซ้ายมองขวาไปนั่งอยู่ตรงหัวกระไดบ้างแล้วกระโดดพลุบลงไป ลภจึงปลุกโพธิ์ ปลุกยังไงก็ไม่

คุณยายสปีด

Image
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณอานนท์ เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นคุณอานนท์ เดินทางไปเที่ยวหาเพื่อนสนิท ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาทางภาคใต้ คุณอานนท์เล่าว่า.. ผมขับรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปคนเดียว พอไปถึงบ้านเพื่อนที่หาดใหญ่ ก็เป็นช่วงบ่าย กินข้าวกันเสร็จ ด้วยความเพลีย ผมก็นอนหลับไปยาวเลย ตื่นมาอีกที ก็กินข้าวเย็นต่อเลย เพื่อนผมคนนี้เป็นคนหาดใหญ่ ที่เคยไปเรียนที่กรุงเทพฯ พอมันกลับมาหาดใหญ่ หลังจากเรียนจบ เราก็เพิ่งจะได้เจอกันนี่เอง ก็เลยคุยกันไป กินเหล้าไป ตามประสาเพื่อนสนิท.. พอสักช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า โซดาน้ำแข็งเริ่มหมด ผมก็อาสาออกไปซื้อให้ โดยยืมมอเตอร์ไซค์มันไป.. ผมขี่รถออกไปเรื่อยๆ ตามทางเพื่อหาร้านโชห่วยใกล้ๆ ที่ยังพอเปิดให้ซื้อของได้ แต่ก็ไม่ยักมีร้านข้างทางเท่าไหร่ เลยขี่ลัดเลาะหาร้านค้าตามซอยต่างๆ ไปเรื่อย.. จนผมขี่รถเข้ามาในซอยๆ นึง ก็เห็นยายแก่ๆ ผมหงอกทั้งหัว นั่งอยู่ริมทางเท้า ตอนนั้นผมก็งง คิดในใจว่า ดึกแล้วทำไมไม่กลับบ้าน ยังมาขายอะไรอยู่ข้างทางอีก ใครจะไปซื้อ ด้วยความที่ซอยนี้ค่อนข้างมืด และทางก็โล่ง ผมก็บิดเต็มที่เลย (ผมก็เด็กแว้นเก่า) ระหว่างนั้นก็เริ่มเอะใจ เห็นศาลเจ้า ศาล